เลข 1 แทนด้วยดวงอาทิตย์
ที่มีพลังและแสงสว่างในตัวเอง เป็นจ้าวแห่งสุริยจักรวาล ซึ่งเกี่ยวโยงกับเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง อำนาจ ความแข็งกร้าวและหน้าที่การงาน การเดินทางและพลัง จัดอยู่ในหมวดดาวให้โทษ
เลข 2 แทนด้วยดาวจันทร์
เป็นดาวที่ไม่มีแสงในตัวเอง ให้แสงนวลตา และเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลง จึงถูกนำมาทำนายในเรื่องของความมีเสน่ห์ ความโรแมนติก ความอ่อนโยน ความรวนเรแปรปรวนง่าย จัดอยู่ในดาวให้คุณ (ศุภเคราะห์)
เลข 3 แทนด้วยดาวอังคาร
จัดอยู่ในดาวบาปเคราะห์ ให้โทษเป็นหลัก เปรียบดั่งเทพแห่งสงคราม ที่ต้องการชัยชนะ หมายถึงความผลุนผลันใจร้อน การแตกหัก การบาดเจ็บเสียหาย ในด้านที่ดี หมายถึง ความขยัน มุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง กล้าได้กล้าเสียแบบนักเลง ไม่อยู่นิ่ง
เลข 4 แทนด้วยดาวพุธ
จัดอยู่ในหมวดดาวให้คุณ ในด้านการสื่อสาร การพูด ความฉลาดทางโลก สามารถเจรจาพาทีให้เป็นเงินเป็นทองได้ พูดได้น่าเชื่อถือ แต่ก็เป็นคนขี้สงสัยจนบางครั้งการพูดก็เข้าข่ายการวิจารณ์ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ถูกหูใครเข้าก็เป็นได้
เลข 5 แทนดาวพฤหัส
เป็นดวงดาวขนาดใหญ่ ที่ให้พลังแห่งโชคลาภและการศึกษา ทั้งทางโลกและทางธรรมประหนึ่งครูบาอาจารย์ มีคุณธรรม เที่ยงตรง รักความยุติธรรม และความสำเร็จอย่างสูง
เลข 6 แทนดาวศุกร์
เป็นดาวแห่งกามาคุณ ที่ให้คุณอย่างกว้างขวางครอบจักรวาฬ ทั้งในเรื่องรูป รส กลิ่น เสียง ดนตรี ศิลปะ
และยังรวมไปถึงการเงิน ที่หมุนเวียนไหลมาเทมา ยังผลให้ความรักความใคร่สดใสซาบซ่า
เลข 7 แทนดาวเสาร์
จัดเป็นดาวบาปเคราะห์ดวงใหญ่ที่แผ่พลังแห่ง ความทุกข์ยาก อุปสรรค ภัยพิบัติ ความสูญเสีย และโรคร้าย การให้ทุกข์อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เมื่อใดรวมตัวกับดาวบาปเคราะห์ดวงอื่น ปัญหาเล็กกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตหนักหนา ในด้านดีคือความอดทน ความพยายาม มักรักความสันโดษ เงียบขรึมและเป็นที่ปรึกษาที่ดี ที่สำคัญคือรักครอบครัวมาก
เลข 8 แทนดาวราหู
เป็นดาวให้โทษและความลุ่มหลงมัวเมา อบายมุข มุทะลุผลุนผลัน รักแรงเกลียดแรง ฉลาดแกมโกง
ชอบปลีกตัว เลือกคบคน ทะเยอทะยาน ไม่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง
เลข 9 แทนดาวเกตุ
เป็นดาวให้คุณอีกดวง ที่ส่งผลให้มีความมั่นใจตัวเอง มีความคิดแปลก ๆ ไม่เหมือนใคร ลางสังหรณ์แม่นยำ ตั้งใจจริง และชอบดูแลตัวเอง (เนี้ยบ) ข้อเสีย คือดื้อรั้น ก้าวร้าวมุทะลุ มักตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ใจร้อนโกรธง่ายหายไว ไม่เก็บเรื่องขุ่นใจมาคิด และเป็นคนทำคุณคนไม่ขึ้น
เลข 0 แทนดาวมฤตยู
ไม่ระบุว่าใช่ดาว หรือไม่ใช่ดาว แต่ให้คุณและให้โทษในการทำลายล้างอย่างรุนแรง หมายถึงความตาย และยังหมายถึงสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ การเคลื่อนที่เดินทาง สัมผัสที่ 6 การเกิดและการตาย
เลขศาสตร์พยากรณ์
ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ ด้วยเลขศาสตร์ และพลังของดวงดาว ที่มีความสัมพันธ์ร่วมกัน
วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553
พลังของตัวเลขและความสัมพันธ์ของดวงดาว
ตัวเลข มีพลัง อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น เมื่อ 700 กว่าปีที่ผ่านมา พ่อขุนรามคำแหงพระองค์ได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งตัวเลข ซึ่งพยัญชนะทุกตัวได้มีวิวัฒนาการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และได้มีผู้คิดค้นการนำหลักเลขศาสตร์ มาใช้ในการถอดรหัส จากชื่อ และสกุล ให้เป็นค่าของตัวเลข อักษร สระ วรรณยุกต์ ทุกตัวมีความสัมพันธ์ไปกับตัวเลขทั้งสิ้น โดยมีหลักเกณฑ์ในการประยุกต์ตัวเลขและตัวอักษรได้อย่างลึกซึ่ง และมีที่มาที่ไป ในการแทนค่าตัวเลขได้อย่างลึกซึ้ง
พลังของดวงดาว ภายใต้ระบบสุริยจักรวาลของเรานั้น ประกอบไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง แต่มีดวงดาวหลักที่เรารู้จักและมีอิทธิพลกับมนุษย์เรา ๆ ท่าน ๆ อยู่ทั้งสิ้น 10 ดวง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่ากับจำนวนนับของตัวเลข ที่มี 10 ตัวได้อย่างพอดิบพอดี
เลขศาตร์ และดวงดาว ทักษา
1. แทนด้วย ดวงอาทิตย์ วันอาทิตย์
2. แทนด้วย ดวงจันทร์ วันจันทร์
3. แทนด้วย ดาวอังคาร วันอังคาร
4. แทนด้วย ดาวพุธ วันพุธ
5. แทนด้วย ดาวพฤหัส วันพฤหัส
6. แทนด้วย ดาวศุกร์ วันศุกร์
7. แทนด้วย ดาวเสาร์ วันเสาร์
8. แทนด้วย ดาวเนปจูน (ราหู) วันพุธกลางคืน
9. แทนด้วย ดาวพลูโต ( ดาวเกตุ)
10. แทนด้วย ดาวยูเรนัส (ดาวมฤตยู)
พลังของดวงดาว ภายใต้ระบบสุริยจักรวาลของเรานั้น ประกอบไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง แต่มีดวงดาวหลักที่เรารู้จักและมีอิทธิพลกับมนุษย์เรา ๆ ท่าน ๆ อยู่ทั้งสิ้น 10 ดวง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่ากับจำนวนนับของตัวเลข ที่มี 10 ตัวได้อย่างพอดิบพอดี
เลขศาตร์ และดวงดาว ทักษา
1. แทนด้วย ดวงอาทิตย์ วันอาทิตย์
2. แทนด้วย ดวงจันทร์ วันจันทร์
3. แทนด้วย ดาวอังคาร วันอังคาร
4. แทนด้วย ดาวพุธ วันพุธ
5. แทนด้วย ดาวพฤหัส วันพฤหัส
6. แทนด้วย ดาวศุกร์ วันศุกร์
7. แทนด้วย ดาวเสาร์ วันเสาร์
8. แทนด้วย ดาวเนปจูน (ราหู) วันพุธกลางคืน
9. แทนด้วย ดาวพลูโต ( ดาวเกตุ)
10. แทนด้วย ดาวยูเรนัส (ดาวมฤตยู)
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ชื่อนั้นสำคัญไฉน
มีหลาย ๆ คนบอกว่า ชื่อดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าชื่อไม่ดีแล้วไซร้ ก็เปรียบเสมือนกับการแช่งตัวเอง ดังที่ว่า
* ชื่อไม่ดี เป็นกาลกิณี ต่อตัวเอง ชีวิตติดขัดมีอุปสรรค ปัญหา หรือแม้แต่ความทุกข์ ความ ไม่เจริญรุ่งเรือง
* ชื่อไม่ดี ส่งผลต่อลูกหลาน บริวาร ญาติพี่น้อง ทำให้ขาดบารมี ไม่เป็นที่ยอมรับนับถือจากผู้อื่น
* ชื่อไม่ดี แล้วไซร้ ส่งผลต่อสุขภาพ เจ็บป่วย ไม่สบาย รวมทั้งอุบัติเหตุ ร้ายแรงต่อชีวิต
ดังนั้นศาสตร์แห่งการตั้งชื่อจึงมีความสำคัญยิ่งนัก บรรพบุรุษของเราให้ความสำคัญต่อการตั้งชื่อเป็นอย่างมาก ถ้าตั้งชื่อได้ถูกหลักย่อมส่งผลต่อชีวิตทั้งชีวิต ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง การตั้งชื่อที่ดีถูกโฉลกต่อชะตาชีวิต ย่อมเป็นการเสริมส่ง ดวงชะตาและบารมีของตนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ดังที่ว่า คนชื่อดี ชะตาชีวิตดี มุ่งกระทำแต่ความดี ชีวิตย่อมสมบูรณ์พูนสุข ทั้ง 100%
คนชื่อไม่ดี ชะตาชีวิตดี มุ่งกระทำความดี ชีวิตได้ดีแต่ไม่มีสิ่งส่งเสริมค้ำชู ดีได้ 70-80%
คนชื่อไม่ดี ชะตาชีวิตไม่ดี แต่มุ่งกระทำความดี เปรียบเสมือน คนดีที่น่าสงสาร
แต่คนที่ชื่อดี ชะตาชีวิตดี แต่กระทำความเลว เปรียบเสมือนคนที่เสียชาติเกิด
* ชื่อไม่ดี เป็นกาลกิณี ต่อตัวเอง ชีวิตติดขัดมีอุปสรรค ปัญหา หรือแม้แต่ความทุกข์ ความ ไม่เจริญรุ่งเรือง
* ชื่อไม่ดี ส่งผลต่อลูกหลาน บริวาร ญาติพี่น้อง ทำให้ขาดบารมี ไม่เป็นที่ยอมรับนับถือจากผู้อื่น
* ชื่อไม่ดี แล้วไซร้ ส่งผลต่อสุขภาพ เจ็บป่วย ไม่สบาย รวมทั้งอุบัติเหตุ ร้ายแรงต่อชีวิต
ดังนั้นศาสตร์แห่งการตั้งชื่อจึงมีความสำคัญยิ่งนัก บรรพบุรุษของเราให้ความสำคัญต่อการตั้งชื่อเป็นอย่างมาก ถ้าตั้งชื่อได้ถูกหลักย่อมส่งผลต่อชีวิตทั้งชีวิต ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง การตั้งชื่อที่ดีถูกโฉลกต่อชะตาชีวิต ย่อมเป็นการเสริมส่ง ดวงชะตาและบารมีของตนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ดังที่ว่า คนชื่อดี ชะตาชีวิตดี มุ่งกระทำแต่ความดี ชีวิตย่อมสมบูรณ์พูนสุข ทั้ง 100%
คนชื่อไม่ดี ชะตาชีวิตดี มุ่งกระทำความดี ชีวิตได้ดีแต่ไม่มีสิ่งส่งเสริมค้ำชู ดีได้ 70-80%
คนชื่อไม่ดี ชะตาชีวิตไม่ดี แต่มุ่งกระทำความดี เปรียบเสมือน คนดีที่น่าสงสาร
แต่คนที่ชื่อดี ชะตาชีวิตดี แต่กระทำความเลว เปรียบเสมือนคนที่เสียชาติเกิด
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ชื่อนั้นสำคัญไฉน
คุณเคยตั้งคำถามบ้างไหม ว่า ชื่อ นั้นสำคัญไฉน ทำไมคนทุกคนเกิดมาต้องมีชื่อ มีอะไรบ้างในโลกนี้ที่มนุษย์รู้จัก แต่ไม่มีชื่อเรียก มีบ้างหรือไม่ คำตอบ คือไม่มีสิ่งใด ที่มนุษย์ในโลกนี้รู้จักแล้วไม่มีชื่อเรียก ถึงแม้ว่าแต่เดิมจะไม่มีชื่อเรียก แต่ถ้ามนุษย์ ค้นพบ รู้จักมันแล้ว ก็จะกำหนดชื่อให้กับสิ่งนั้น ๆ ทันที ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ ล้วนแล้วแต่ต้องมีชื่อเรียก ทั้งสิ้น
ชื่อ ทุก ชื่อ ล้วน ย่อมมีหน้าที่ เป็นธรรมดาในที่สรรพสิ่งบนโลกนี้ เมื่อมีชื่อเรียก ย่อมมีหน้าที่ และบทบาท เป็นตัวกำหนด ตามสถานะ ของสิ่งเหล่านั้น อาทิ
* ปากกา คือ ชื่อเรียก อุปกรณ์ชนิดหนึ่ง มีด้ามยาว ๆ จับถนัดมือ มีไว้ใช้ขีดเขียนตัวหนังสือ
* เก้าอี้ คือ วัสดุ ชนิดหนึ่ง ซึ่งทำจาก เหล็ก ไม้ พลาสติก หรือวัสดุอื่น ๆ ที่นำมาประกอบกัน เพื่อการ
ใช้นั่ง ไม่ว่าจะเป็นนั่งทำงาน นั่งเล่น นั่งพัก
* หมา เป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง ที่มีความใกล้ชิดมนุษย์ ฉลาด และมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นเลิศ
นี่คือ บทบาท หรือหน้าที่ ของสรรพสิ่งที่ล้วนมีชื่อเรียก ไม่เว้นแม้แต่ชื่อของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ มนุษย์ทุกคนเกิดมา ย่อมมีชื่อเรียก ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น หรือแม้แต่ชื่อสกุลที่บ่งบอก วงศ์วาน ตระกูล และความเป็นเผ่าพันธ์ พวกพ้อง เครือญาติ เรามาทำความรู้จัก ชื่อ ของ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ กันอีกสักนิด
มนุษย์ทุกผู้คน ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกเชื้อชาติ เมื่อเกิดมา ล้วนแต่ต้องมีชื่อเรียก โดยคนที่ตั้งชื่อ ให้นั้น ส่วนใหญ่ ก็คือ บิดา มารดา ของทุก ๆ คน จะนำชื่อ ที่มี ความหมายที่ดีในด้านต่าง ๆ เช่น ความดี ความหล่อ ความสวย ความร่ำรวย ความเจริญ หรือแม้แต่ความแข็งแรงของสุขภาพ เพื่อจะนำสิ่งที่ดีเหล่านั้นมอบให้กับคนที่รักดั่งแก้วตาดวงใจ ส่วนคนไทย ก็ยังมีประเพณี ความเชื่อ ที่จะนำชื่อ ของผู้ที่ตนเคารพนับถือ มาตั้งชื่อให้ลูก หรือหลาย ๆ ครั้งจะพบว่าผู้ที่ตั้งชื่อลูก นอกเหนือจากพ่อและแม่ แล้ว ยังมีพระ ครูบาอาจารย์ ที่เคารพนับถือ หรือญาติผู้ใหญ่ จะเป็นผู้ที่ตั้งชื่อให้ ซึ่งก็หนีไม่พ้นหลักการตั้งชื่อที่กล่าวมา คือ ดี หล่อ รวย สวย เจริญ เหล่านี้ล้วนมีอยู่ในชื่อของทุกผู้คน ยากที่จะปฎิเสธ
แต่คุณเคยนึกมั้ย ว่าทำไม ชื่อที่ดีที่สุดที่พ่อและแม่ตั้งให้ก็ดี พระ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพก็ดีตั้งให้ก็ดี ล้วนมีความหมายที่ดีทั้งสิ้น แต่กลับไม่ส่งผลที่ดีเหล่านั้นในชิวิตของ เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เลย ทั้งที่เราก็พบเห็นอยู่เสมอ ตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทั่วไป ชื่อนายดี แต่กลับเป็นคนเลว ชื่อนายรวย แต่ชิวิตจริง ยากจน ชื่อสวย กลับ หน้าตาขี้เหร่ แสดงว่าชื่อที่ดี มีมงคล เหล่านั้นแท้ที่จริง ไม่ได้ส่งผลกับชีวิต ตามความหมาย ของชื่อเหล่านั้นเลย
ดังนั้นวันนี้เรามารู้จัก ความหมายที่ซ่อนไว้ ภายในชื่อ ของเรา ๆ ท่าน ๆ กันให้มากขึ้นอีกสักครั้ง ด้วยการถอดรหัส จากวิชาเลขศาสตร์พยากรณ์ ที่จะไขรหัสชีวิต ที่เป็นตัวกำหนด ชีวิต หน้าที่ ที่แท้จริงที่ถูกซ่อนไว้ภายในชื่อ ของคนทุกคน
ชื่อ ทุก ชื่อ ล้วน ย่อมมีหน้าที่ เป็นธรรมดาในที่สรรพสิ่งบนโลกนี้ เมื่อมีชื่อเรียก ย่อมมีหน้าที่ และบทบาท เป็นตัวกำหนด ตามสถานะ ของสิ่งเหล่านั้น อาทิ
* ปากกา คือ ชื่อเรียก อุปกรณ์ชนิดหนึ่ง มีด้ามยาว ๆ จับถนัดมือ มีไว้ใช้ขีดเขียนตัวหนังสือ
* เก้าอี้ คือ วัสดุ ชนิดหนึ่ง ซึ่งทำจาก เหล็ก ไม้ พลาสติก หรือวัสดุอื่น ๆ ที่นำมาประกอบกัน เพื่อการ
ใช้นั่ง ไม่ว่าจะเป็นนั่งทำงาน นั่งเล่น นั่งพัก
* หมา เป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง ที่มีความใกล้ชิดมนุษย์ ฉลาด และมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นเลิศ
นี่คือ บทบาท หรือหน้าที่ ของสรรพสิ่งที่ล้วนมีชื่อเรียก ไม่เว้นแม้แต่ชื่อของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ มนุษย์ทุกคนเกิดมา ย่อมมีชื่อเรียก ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น หรือแม้แต่ชื่อสกุลที่บ่งบอก วงศ์วาน ตระกูล และความเป็นเผ่าพันธ์ พวกพ้อง เครือญาติ เรามาทำความรู้จัก ชื่อ ของ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ กันอีกสักนิด
มนุษย์ทุกผู้คน ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกเชื้อชาติ เมื่อเกิดมา ล้วนแต่ต้องมีชื่อเรียก โดยคนที่ตั้งชื่อ ให้นั้น ส่วนใหญ่ ก็คือ บิดา มารดา ของทุก ๆ คน จะนำชื่อ ที่มี ความหมายที่ดีในด้านต่าง ๆ เช่น ความดี ความหล่อ ความสวย ความร่ำรวย ความเจริญ หรือแม้แต่ความแข็งแรงของสุขภาพ เพื่อจะนำสิ่งที่ดีเหล่านั้นมอบให้กับคนที่รักดั่งแก้วตาดวงใจ ส่วนคนไทย ก็ยังมีประเพณี ความเชื่อ ที่จะนำชื่อ ของผู้ที่ตนเคารพนับถือ มาตั้งชื่อให้ลูก หรือหลาย ๆ ครั้งจะพบว่าผู้ที่ตั้งชื่อลูก นอกเหนือจากพ่อและแม่ แล้ว ยังมีพระ ครูบาอาจารย์ ที่เคารพนับถือ หรือญาติผู้ใหญ่ จะเป็นผู้ที่ตั้งชื่อให้ ซึ่งก็หนีไม่พ้นหลักการตั้งชื่อที่กล่าวมา คือ ดี หล่อ รวย สวย เจริญ เหล่านี้ล้วนมีอยู่ในชื่อของทุกผู้คน ยากที่จะปฎิเสธ
แต่คุณเคยนึกมั้ย ว่าทำไม ชื่อที่ดีที่สุดที่พ่อและแม่ตั้งให้ก็ดี พระ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพก็ดีตั้งให้ก็ดี ล้วนมีความหมายที่ดีทั้งสิ้น แต่กลับไม่ส่งผลที่ดีเหล่านั้นในชิวิตของ เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เลย ทั้งที่เราก็พบเห็นอยู่เสมอ ตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทั่วไป ชื่อนายดี แต่กลับเป็นคนเลว ชื่อนายรวย แต่ชิวิตจริง ยากจน ชื่อสวย กลับ หน้าตาขี้เหร่ แสดงว่าชื่อที่ดี มีมงคล เหล่านั้นแท้ที่จริง ไม่ได้ส่งผลกับชีวิต ตามความหมาย ของชื่อเหล่านั้นเลย
ดังนั้นวันนี้เรามารู้จัก ความหมายที่ซ่อนไว้ ภายในชื่อ ของเรา ๆ ท่าน ๆ กันให้มากขึ้นอีกสักครั้ง ด้วยการถอดรหัส จากวิชาเลขศาสตร์พยากรณ์ ที่จะไขรหัสชีวิต ที่เป็นตัวกำหนด ชีวิต หน้าที่ ที่แท้จริงที่ถูกซ่อนไว้ภายในชื่อ ของคนทุกคน
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เลขศาสตร์พยากรณ์
เลขศาสตร์พยากรณ์ เป็นศาสตร์ว่าด้วยเรื่องสถิติและพลังของตัวเลข ที่ถูกรวบรวมค่าทางสถิติมาตลอดกว่า 4,000 ปี เป็นศาสตร์สากลที่ใช้กันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคนในซีกโลกใด ย่อมมีความเข้าใจความหมาย และค่าของตัวเลขเหมือน ๆ กัน จึงมีความเป็นสากลและได้รับการยอมรับแพร่หลายทั่วโลก
วิชาเลขศาสตร์ เข้ามาในประเทศไทยประมาณ 30 กว่าปี และถูกประยุกต์ใช้เป็นส่วนหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์ของไทย แต่เดิมการพยากรณ์ชื่อ และสกุล ของไทยจะเน้น หลักทักษา คือการเลือกพยัญชนะที่ดี ไม่มีอักษรกาลกิณี อยู่ในชื่อ และใช้หลักภาษาศาสตร์ เลือกชื่อที่มีความหมายดี ๆ ในการตั้งชื่อให้กับตัวเอง และลูกหลาน ซึ่งการนำหลักตั้งชื่อจาก ภาษาศาสตร์และ หลักทักษา มาใช้ ไม่เพียงพอต่อการกำหนดชื่อ และสกุลที่ดี จึงมีการนำหลักวิชาเลขศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้ในการตั้งชื่อในยุคปัจุบัน
เลข 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 0 เลขทั้งสิบ ถูกออกแบบจากนิ้วมือมนุษย์ เพราะมนุษย์ทุกคนมีนิ้วมือเท่ากันทั้ง 10 นิ้ว และนิ้วเป็นตัวนับ และถูกแทนค่าต่าง ๆลงไปในตัวเลข เลขทุกตัวจึงมีค่า มีพลังและมีความหมายของตัวมันเอง
เลขมีค่า และมีพลัง นับได้ไม่มีวันสิ้นสุด นับจาก 0 ไป 1 ไป 2 ไป 3 จนถึง 1,000,000 จนถึง 10,000,000,000 ก็ไม่มีวันสิ้นสุดที่จะนับค่าได้ ทุกค่ามีความห่างของตัวเลขเท่ากัน คือ 1 หรือถ้านับย้อนหลังมาจาก 0 ไป -1 ไป -2 ไป -3 ก็นับได้ไม่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน ในอดีตยิ่งเล็กยิ่งติดลบ เราแทนค่าความเล็ก ด้วยไมโคร ปัจุบันเป็นนาโน และค่าที่เล็กลงไปเรื่อย ๆ อีกในอนาคต จะเป็นอะไร ยากที่เราจะคณานับได้
วิชาเลขศาสตร์ เข้ามาในประเทศไทยประมาณ 30 กว่าปี และถูกประยุกต์ใช้เป็นส่วนหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์ของไทย แต่เดิมการพยากรณ์ชื่อ และสกุล ของไทยจะเน้น หลักทักษา คือการเลือกพยัญชนะที่ดี ไม่มีอักษรกาลกิณี อยู่ในชื่อ และใช้หลักภาษาศาสตร์ เลือกชื่อที่มีความหมายดี ๆ ในการตั้งชื่อให้กับตัวเอง และลูกหลาน ซึ่งการนำหลักตั้งชื่อจาก ภาษาศาสตร์และ หลักทักษา มาใช้ ไม่เพียงพอต่อการกำหนดชื่อ และสกุลที่ดี จึงมีการนำหลักวิชาเลขศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้ในการตั้งชื่อในยุคปัจุบัน
เลข 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 0 เลขทั้งสิบ ถูกออกแบบจากนิ้วมือมนุษย์ เพราะมนุษย์ทุกคนมีนิ้วมือเท่ากันทั้ง 10 นิ้ว และนิ้วเป็นตัวนับ และถูกแทนค่าต่าง ๆลงไปในตัวเลข เลขทุกตัวจึงมีค่า มีพลังและมีความหมายของตัวมันเอง
เลขมีค่า และมีพลัง นับได้ไม่มีวันสิ้นสุด นับจาก 0 ไป 1 ไป 2 ไป 3 จนถึง 1,000,000 จนถึง 10,000,000,000 ก็ไม่มีวันสิ้นสุดที่จะนับค่าได้ ทุกค่ามีความห่างของตัวเลขเท่ากัน คือ 1 หรือถ้านับย้อนหลังมาจาก 0 ไป -1 ไป -2 ไป -3 ก็นับได้ไม่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน ในอดีตยิ่งเล็กยิ่งติดลบ เราแทนค่าความเล็ก ด้วยไมโคร ปัจุบันเป็นนาโน และค่าที่เล็กลงไปเรื่อย ๆ อีกในอนาคต จะเป็นอะไร ยากที่เราจะคณานับได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)